ฝ้า (Moles) คือ
ผิวหนังที่มีลักษณะเป็นผื่นสีดำอมน้ำตาล เกิดขึ้นบนใบหน้าบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก คาง
และเหนือคิ้วทั้ง 2 ข้าง ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของเซลล์สร้างเม็ดสีที่ผลิตเม็ดสี (Melanin) ออกสู่ผิวหนังไม่สม่ำเสมอ บริเวณที่มีเม็ดสีมากจึงมีสีผิวเข้มกว่าปกติ
ที่เรียกว่า “ฝ้า”
โดยจะทวีความเข้มขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการดูแลปกป้องที่ดีพอ
ฝ้ามีอยู่ด้วยกัน
2 ชนิด คือ
- ฝ้าชนิดลึก จะอยู่ในชั้นหนังแท้ มีลักษณะเป็นสีม่วงๆ อมน้ำเงิน ขอบเขตไม่ชัด รักษาได้ยากกว่าฝ้าชนิดตื้น และไม่ค่อยหายขาด การใช้ยาทาฝ้าอ่อนๆ และครีมกันแดด เพียงแต่ช่วยให้ดีขึ้นเท่านั้น
- ฝ้าชนิดตื้น จะอยู่ในชั้นหนังกำพร้า มีลักษณะเป็นสีน้ำตาล ขอบเขตชัดเจน เกิดขึ้นง่าย และสามารถรักษาให้หายได้เร็ว นอกจากนี้ ฝ้าชนิดนี้ยังรักษาได้โดยการใช้ยาทาฝ้าอ่อนๆ และครีมกันแดดก็สามารถลบเลือนให้หายได้ และนอกจากนี้ ฝ้าที่เกิดบริเวณชั้นหนังกำพร้ายังมีความเข้มของสีผิวที่น้อยกว่าฝ้าที่เกิดจากชั้นหนังแท้
กระ (Freckles) มีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ
สีน้ำตาลเข้มที่กระจายอยู่ทั่วใบหน้า ซึ่งบางครั้งอาจทำให้สับสนกับ “ขี้แมลงวัน” ซึ่งขี้แมลงวันจะมีลักษณะสีดำเข้ม กลม
ขอบเขตชัดเจน และอาจจะนูนขึ้นเล็กน้อย และนอกจากนี้
สีของขี้แมลงวันจะไม่เข้มขึ้น เมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด แต่กระจะเข้ม
และเพิ่มจำนวนขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด โดยกระมีที่มาจากความผิดปกติของเซลล์สร้างเม็ดสีที่มากเกินไป
และต่างจากฝ้าตรงที่กระจะเกิดขึ้นกับผิวหนังชั้นบน หรือชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น และสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ซึ่งมักพบในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวดำ
จุดด่างดำ (Hyperpigmentation) มีลักษณะจุดสีน้ำตาล – ดำ
เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์เม็ดสีเมลานิน (Melanin) ถือเป็นสัญญาณแห่งความเสื่อมของผิว
สาเหตุแห่งการเกิดฝ้า
กระ จุดด่างดำ (Moles,
Freckles and Dark Spot)
ฝ้า กระ จุดด่างดำเกิดจากปัจจัยต่างๆ
ที่เป็นตัวกระตุ้นดังต่อไปนี้
- แสงแดด รังสียูวีเอ, ยูวีบี และพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์นั้น เป็นตัวแปรสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีผิวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาตั้งแต่ 10.00 – 16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่มีความยาวของคลื่นรังสี 400 – 700 nm. จะไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ให้มีปริมาณมากขึ้น ส่งผลให้ผิวดำคล้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ตลอดจนผิวไหม้เกรียมแดด
- ความเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกาย จะมีผลทำให้กระบวนการสร้างเม็ดสีผิวทำงานผิดปกติ โดยจะเกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์, ระหว่างการใช้ยาคุมกำเนิด, ในช่วงวัยหมดประจำเดือน เป็นต้น
- ยาบางชนิด เช่น ยารักษาวัณโรคไอเอ็นเอช (INH), ยากันชักไดแลนติน (Di-lantin) และยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ สามารถทำให้เกิดผื่นดำคล้ายฝ้าได้
- ส่วนผสมในเครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม, สี และสารกันเสียบางชนิด สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ และรอยคล้ำแบบฝ้าได้
- พันธุกรรม จากรายงานการตรวจสอบประวัติผู้เป็นฝ้าและกระโดยละเอียด มักพบว่า โดยส่วนใหญ่จะมีประวัติคนในตระกูลเคยเป็นฝ้าและกระมาก่อน
- ภาวะทุพโภชนาการ การขาดสารอาหารจำพวก วิตามิน และแร่ธาตุจำเป็นบางชนิด อาทิ วิตามินเอ, บี2, บี3, บี12, ซี, ดี หรือ อี ก็ทำให้เกิดผื่นดำแบบฝ้าได้เช่นเดียวกัน
การป้องกันและการรักษาฝ้า
กระ จุดด่างดำ
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด รังสียูวี และคลื่นพลังงานความร้อนต่างๆ โดยการกางร่ม, สวมหมวก, คลุมผ้า เป็นต้น
- ปกป้องผิวจากแสงแดด โดยการทาครีมกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป แต่ต้องจำไว้เสมอว่า ไม่มีสารกันแดดชนิดใดที่มีคุณภาพเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังไงก็ต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดอยู่เสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ผ่องใส ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีคุณค่าตามหลักโภชนาการ ถือเป็นการหลีกเลี่ยงภาวะความไม่สมดุลของฮอร์โมน
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
- การใช้ยา จำพวกกรดวิตามินเอ, กรดเอเซลาอิก, กรดโคจิค, อาร์บูติน, ลิโคริช, ว่านหางจระเข้, สารเฟดเอาท์, วิตามินซี, สารสกัดจากเปลือกสน และกรดทรานซามิก ช่วยทำให้สีของฝ้า กระ และจุดด่างดำจางลงได้ เพราะสารดังกล่าวจะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเซลล์เมลาโนไซด์ ซึ่งการรักษาจะต้องทายาทุกวันจนสีผิวเรียบเสมอกัน หลังจากนั้นจะต้องค่อยๆ หยุดยา เพราะถ้าหยุดยากระทันหัน อาจจะกลับมาเป็นฝ้า กระ หรือจุดด่างดำได้อีกครั้งหนึ่ง และควรจะต้องทาครีมกันแดดร่วมด้วย
- การลอกหน้าด้วยสารเคมี เช่น กรดไตรคลออะซิติก, กรดไกลโคลิก และน้ำยาเจสเนอร์ ช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งจะต้องทำซ้ำทุก 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำจางเร็วขึ้น
- แสงเลเซอร์ สามารถช่วยลอกผิวชั้นนอกออกได้ ซึ่งมีผลให้ฝ้า กระ จุดด่างดำแลดูจางลงได้ แต่ต้องระวัง เพราะอาจก่อผลข้างเคียงได้ คือรอยแผลเป็น หรือรอยคล้ำ ซึ่งจะยิ่งดำมากกว่าก่อนการรักษา
แอดเราเป็นเพื่อน เพื่อติดตามผ่านช่องทางอื่นๆได้ที่นี่เลยค่ะ
สาระความรู้และความงามน่าสนใจแบบนี้ แชร์แบ่งปันให้เพื่อนรู้บ้างสิ แชร์เลย!!!
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น